วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

10 หนังวันสิ้นโลก


สืบเนื่องจากการทำนายปฎิทินวันสิ้นโลกของชนเผ่ามายัน ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ (21 ธันวาคม 2012) สร้างความปั่นป่วนให้กับคนทั่วโลกไม่น้อย กระทั่งค่ายหนังเองก็ได้เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส จัดการสร้างหนังหายนะโลก (Disaster Movie) ซึ่งโดยมากจะเป็นหนังฟอร์มยักษ์และทำเงินมหาศาล ออกมามากมายหลายเรื่อง จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนังมีส่วนผลักดันจินตการให้กลายเป็นความกังวลอย่างจริงจัง

อย่างที่ รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาและแผ่นดินไหว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในเวทีเสวนา ถอดรหัสภัยพิบัติ พลิกวิกฤตให้เป็นคำเตือน ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ว่า ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์จากองค์กรนาซาคนใดพูดถึงวันโลกแตกที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 ธ.ค. นี้เลย แม้ชาวต่างชาติจะมีความเชื่อในเรื่องวันสิ้นโลกอยู่บ้าง รวมทั้งคนไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งเกิดจากการดูภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทำให้จินตนาการไปต่างๆ นานา

ถ้าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์โลกจริงๆ ผมในฐานะเว็บมาสเตอร์สนุกดอทคอมก็ขอระบายอารมณ์เลือกหนังโลกแตกที่โปรดปรานตามใจตัวเองมาภูมิใจนำเสนอแล้วกัน

โลกแตกเพราะ ธรรมชาติลงโทษ
 armageddon
1.Armageddon (1998) อุกกาบาตก้อนโตเท่ารัฐเท็กซัสที่กำลังพุ่งชนโลก และมีเพียงแก๊งขุดเจาะมือฉมังที่ดูไม่ได้เรื่องเป็นความหวังเดียวของทางรอด พล็อตเรื่องสุดโอเว่อร์ ประกอบด้วยฉากแอ็คชั่นสุดมันส์ แล้วเสริมบทตลกที่ถูกจุด จึงขอยกให้เป็นอันดับหนึ่งในหมวดธรรมชาติลงโทษของผม และแน่นอนว่า หนังเรื่องนี้สามารถกลุ่มแฟนคลับเดนตายที่ติดตามผลงาน ไมเคิล เบย์ ได้เป็นกอบเป็นกำ

deep impact

2.Deep Impact (1998) ว่าด้วยเรื่องราวอุกกาบาตที่จะพุ่งชนโลกเช่นเดียวกับหนัง Armageddon หนำซ้ำยังเข้าฉายปีเดียวกัน ด้วยสาเหตุว่าโลกจะถึงคราวล่มสลายในปี 2000 หรือที่เรียกกันติดปากว่า Y2K แต่สำหรับหนังเรื่องนี้จะนำเสนอในมุมมองความรัก ความห่วงใยของคนรอบกายที่มีต่อกัน โดยไม่เน้นไปยังภารกิจกอบกู้โลกเหมือนเรื่องแรก ดูแล้วก็ซึ้งโดนใจทีเดียว

2012
3.2012 (2009) นี่คือหนังโลกแตกที่มีฉากหายนะมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด รวมไปถึงคลื่นยักษ์สึนามิ นอกจากนี้หนังยังมีส่วนประสมทั้งแอ็คชั่น ดราม่า และ ผจญภัย ที่ลงตัวในระดับดูแล้วเพลิดเพลินไปกับวันโลกแตก แม้หนังจะยาวถึง 158 นาที แต่ก็ดูไม่ยักจะเบื่อ

knowing
4.Knowing (2009) หนังดูเป็นแนวลึกลับสืบสวนในครึ่งเรื่องแรก ก่อนจะนำไปสู่แนวหายนะในครึ่งท้าย ซึ่งดูแล้วก็แปลกดี แม้ส่วนตัวจะชอบส่วนแรกของหนังมากกว่า แต่งานกำกับของ อเล็กซ์ โพรยาส เรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ตื่นตาตื่นใจทีเดียว โดยเฉพาะฉากเครื่องบินโหม่งโลก ให้ความรู้สึกเหมือนจริงจนน่าขนลุก และฉากสุดท้ายที่พายุสุริยะโหมกระหน่ำใส่โลก...เฮ้อ ช่างน่าเศร้าเสียเหลือเกิน ผมถือว่านี่คือหนึ่งในหนังดีที่สุดในยุคตกต่ำของพระเอกปากห้อยอย่าง นิโคลัส เคจ

contagion
5.Contagion (2011) โลกแตกเพราะโรคร้าย ในบรรดา 5 เรื่องที่ธรรมชาติลงโทษ เรื่องนี้ถือว่ามีแนวโน้มเป็นจริงมากสุด และตัวหนังเองก็ยังเสนอผลของเชื้อระบาดให้ดู Real จนเหมือนนั่งดูสารคดีที่มีดาราดังแน่นเรื่อง และได้ผู้กำกับออสการ์มีกุมบังเหียนให้ หลังรับสารจากหนังเรื่องนี้เสร็จสิ้นไป ตอนนี้กลายเป็นคนอนามัยจัดไปเสียแล้ว !!!

โลกแตกเพราะ ศัตรูลงทัณฑ์

fight club
1. Fight Club (1999) จากหนุ่มออฟฟิศเป็นโรคนอนไม่หลับ หากิจกรรมแปลกๆ ทำ จนมีสาวกติดตามกิจกรรมนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และแปรสภาพเป็นองค์กรใต้ดินสร้างความรุนแรงในนาม "ไฟท์คลับ" ที่มุ่งมั่นจะสร้างโลกใบใหม่ ที่ไร้ชนชั้นทางสังคม ลบกรอบชีวิตเดิมๆแสนน่าเบื่อ และทำลายระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ต่างๆ ปลดหนี้คนจน แม้โลกจะไม่แตก แต่ก็ไม่ใช่โลกใบเก่าก็แล้วกัน

id4
2. Independence Day (1996) คงไม่ต้องสาธยายอะไรมากสำหรับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นหนังมนุษย์ต่างด้าว เฮ้ย! ต่างดาวรุกรานโลกที่ดูสนุกที่สุดแล้วเท่าที่เคยมีมา แม้เวลาจะผ่านไปกี่ปี เรื่องนี้ก็ยังคงอยู่ในอันดับแรกของความทรงจำ หากมีใครมาถามถึงหนังแนวเอเลี่ยนบุกดาวบ้านเกิดของเรา

rise of the planet of the apes
3. Rise of the Planet of the Apes (2011) ถึงคราวที่เหล่าวานรจะก่อปฏิวัติเปลี่ยนแปลงโลกมนุษย์ให้ดีขึ้น (ในมุมมองของลิงนะ) จากความไม่ยุติธรรม การเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหง และแสวงหาประโยชน์บนความทุกข์คน(ลิง)อื่น เป็นการเอาคืนที่ผู้ชมอย่างเราๆ ก็แอบเชียร์เหล่าศัตรูนะ (รู้สึกเหมือนทรยศเผ่าพันธุ์ตัวเองยังไงชอบกล) ที่ผลสุดท้าย โลกหาใช่ดินแดนของมนุษย์ แต่มันคือ พิภพของวานร

the fifth element 
4. The Fifth Element (1997) รหัส 5 คนอึดทะลุโลก อีกหนึ่งผลงานที่เลิศด้วยเนื้อหา ความมันส์สไตล์อึดของป๋าบรูซ วิลลิส แฟชั่นกลิ่นอายฝรั่งเศส และแก๊กตลกที่หยอดมาตลอดเรื่อง ดูเพลินจนเกือบหลงลืมความตึงเครียดจากการทำลายโลกเลยทีเดียว งานกำกับแหวกแนวของลุค เบซองที่แตกต่างจากผลงานเรื่องอื่นที่ผ่านมา แต่ดีกรีความสนุกยังคงเก็บได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเช่นเคย

the abyss 
5. The Abyss (1989) ผลงานกำกับของเจ้าพ่อมือเติบ เล็กๆไม่ ใหญ่ๆ ทำอย่าง เจมส์ คาเมรอน ที่สร้างสรรค์หนังดราม่า ไซ-ไฟ ให้น่าติดตามตลอดเรื่อง ถ่ายทอดความโหดร้ายของมนุษย์ที่ต้องให้ชาวต่างดาวมาสั่งสอนถึงที่ จนโลกเกือบวายวอด ดีนะที่พระเอกเขาขอไว้ ฮ่าๆ หนังดูสนุก ลึกลับ และตื่นเต้น แม้รายได้ปีที่ตัวหนังออกฉายจะขาดทุน แต่ก็เป็นหนังที่ผมหยิบมาดูซ้ำแล้วซ้ำอีกได้อย่างไม่ขัดขืน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น