แวมไพร์ทไวไลท์ 4 :เบรคกิ้ง ดอว์น ภาค 2
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊กทางการภาพยนตร์ Twilight Saga Fan Page
กำหนดฉาย : 15 พฤศจิกายน 2555
นำแสดง : โรเบิร์ต แพททินสัน, คริสเตน สจ๊วต, เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์, ไมเคิล ชีน, แม็คกี้ เกรซ
กำกับ : บิล คอนดอน (Breaking Dawn Part 1, Dreamgirls, Kinsey)
บทภาพยนตร์ : เมลิสซ่า โรเซนเบิร์ค (The Twilight Saga, Step Up)
เรื่องย่อ The Twilight Saga : Breaking Dawn Part 2
หลังจาก Breaking Dawn - Part 1 สร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง เมื่อทำรายได้รวมทั่วโลกไปถึง 705 ล้านเหรียญ และรวมทั้ง 4 ภาคที่ผ่านมา ก็ทำรายได้ไปถล่มทลายไปกว่า 2,500 ล้านเหรียญ ในที่สุดบทสรุปสุดท้ายของมหากาพย์ แวมไพร์ ทไวไลท์ก็มาถึง
หลังจาก เบลล่า (คริสเตน สจ๊วต) ใช้เวลาปรับตัวกับชีวิตใหม่ในการเป็นแวมไพร์ กลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ก็แสดงความต้องการตัว เรเนสมี ลูกสาวของ เอ็ดเวิร์ด (โรเบิร์ต แพททินสัน) และ เบลล่า มาครอบครอง ครอบครัวคัลเลนจึงขอความช่วยเหลือจากกลุ่มแวมไพร์พันธมิตรทั่วโลก รวมถึง เจคอบ (เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์) ที่ผูกวิญญาณกับ เรเนสเม่ แล้ว เพื่อร่วมต่อสู้ในสงครามครั้งสุดท้ายกับกลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ ที่จะเป็นบทสรุปของทุกสิ่ง
เกร็ดภาพยนตร์ Breaking Dawn - Part 2
Breaking Dawn เป็นหนังสือเล่มที่ 4 ของวรรณกรรม แวมไพร์ ทไวไลท์ วางจำหน่ายในปี 2008 และขายได้ถึง 1.3 ล้านเล่ม ในเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมง ซึ่งก็เป็นการเปิดตัวขายหนังสือในวันแรกที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยติดอันดับหนังสือขายดีของ USA Today ถึง 58 สัปดาห์ติดต่อกัน และในปัจจุบันก็ขายได้แล้วกว่า 15 ล้านเล่มทั่วโลก
Breaking Dawn - Part 2 ได้รับการโหวตในเว็บไซต์ขายตั๋วล่วงหน้าอันดับหนึ่งของอเมริกา Fandango ว่าเป็นหนังที่ทุกคนรอชมมากที่สุดของปี 2012 เอาชนะหนังบล็อคบัสเตอร์อย่าง The Dark Knight Rises, The Avengers และ The Amazing Spider-Man
เตรียมแจ้งเกิดนักแสดงเด็ก แมคเคนซี่ ฟอย ที่รับบทเป็น เรเนสเม่ ลูกครึ่งมนุษย์-แวมไพร์ ลูกสาวของ เอ็ดเวิร์ด และ เบลล่า ซึ่งตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ เนื่องจากความสามารถที่ไม่เหมือนใคร โดย The Wrap เว็บไซต์บันเทิงของ CNN ก็ได้เลือกเธอให้เป็นหนึ่งในสิบนักแสดงที่จะแจ้งเกิดในปี 2012
สงครามแวมไพร์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงไคลแม็กซ์ ถือเป็นการแนะนำให้รู้จักกับกลุ่มแวมไพร์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแวมไพร์เดนาลี พันธมิตรของครอบครัวคัลเลน กลุ่มแวมไพร์จากอียิปต์ นำโดย เบนจามิน ที่มีความสามารถในการควบคุมธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมถึง แกเร็ธ แวมไพร์เร่ร่อนเจ้าเสน่ห์ ที่เป็นเพื่อนเก่าของ เอ็ดเวิร์ด
ทั้งโลกจะเป็นสักขีพยาน
สงครามครั้งสุดท้าย แห่งรัตติกาลทไวไลท์
ผนึกกำลังแวมไพร์จากทั่วโลก เผชิญหน้าต้านโวลตูรี่
หลังจาก Breaking Dawn - Part 1 สร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง เมื่อทำรายได้รวมทั่วโลกไปถึง 705 ล้านเหรียญ และรวมทั้ง 4 ภาคที่ผ่านมา ก็ทำรายได้ไปถล่มทลายไปกว่า 2,500 ล้านเหรียญ ในที่สุดบทสรุปสุดท้ายของมหากาพย์ แวมไพร์ ทไวไลท์ก็มาถึง
หลังจาก เบลล่า (คริสเตน สจ๊วต) ใช้เวลาปรับตัวกับชีวิตใหม่ในการเป็นแวมไพร์ กลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ก็แสดงความต้องการตัว เรเนสมี ลูกสาวของ เอ็ดเวิร์ด (โรเบิร์ต แพททินสัน) และ เบลล่า มาครอบครอง ครอบครัวคัลเลนจึงขอความช่วยเหลือจากกลุ่มแวมไพร์พันธมิตรทั่วโลก รวมถึง เจคอบ (เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์) ที่ผูกวิญญาณกับ เรเนสเม่ แล้ว เพื่อร่วมต่อสู้ในสงครามครั้งสุดท้ายกับกลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ ที่จะเป็นบทสรุปของทุกสิ่ง
เกร็ดภาพยนตร์ Breaking Dawn - Part 2
Breaking Dawn เป็นหนังสือเล่มที่ 4 ของวรรณกรรม แวมไพร์ ทไวไลท์ วางจำหน่ายในปี 2008 และขายได้ถึง 1.3 ล้านเล่ม ในเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมง ซึ่งก็เป็นการเปิดตัวขายหนังสือในวันแรกที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยติดอันดับหนังสือขายดีของ USA Today ถึง 58 สัปดาห์ติดต่อกัน และในปัจจุบันก็ขายได้แล้วกว่า 15 ล้านเล่มทั่วโลก
Breaking Dawn - Part 2 ได้รับการโหวตในเว็บไซต์ขายตั๋วล่วงหน้าอันดับหนึ่งของอเมริกา Fandango ว่าเป็นหนังที่ทุกคนรอชมมากที่สุดของปี 2012 เอาชนะหนังบล็อคบัสเตอร์อย่าง The Dark Knight Rises, The Avengers และ The Amazing Spider-Man
เตรียมแจ้งเกิดนักแสดงเด็ก แมคเคนซี่ ฟอย ที่รับบทเป็น เรเนสเม่ ลูกครึ่งมนุษย์-แวมไพร์ ลูกสาวของ เอ็ดเวิร์ด และ เบลล่า ซึ่งตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มแวมไพร์โวลตูรี่ เนื่องจากความสามารถที่ไม่เหมือนใคร โดย The Wrap เว็บไซต์บันเทิงของ CNN ก็ได้เลือกเธอให้เป็นหนึ่งในสิบนักแสดงที่จะแจ้งเกิดในปี 2012
สงครามแวมไพร์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงไคลแม็กซ์ ถือเป็นการแนะนำให้รู้จักกับกลุ่มแวมไพร์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแวมไพร์เดนาลี พันธมิตรของครอบครัวคัลเลน กลุ่มแวมไพร์จากอียิปต์ นำโดย เบนจามิน ที่มีความสามารถในการควบคุมธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมถึง แกเร็ธ แวมไพร์เร่ร่อนเจ้าเสน่ห์ ที่เป็นเพื่อนเก่าของ เอ็ดเวิร์ด
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น